วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เริ่มศึกค้า‘จีน-สหรัฐ’

On December 1, 2016

ยิ่งใกล้วันที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ความกังวลต่อแนวทางการค้าการลงทุนของทรัมป์ ยิ่งเพิ่มตามไปด้วย โดยเฉพาะที่จีน เริ่มมีความเคลื่อนไหวเตรียมแผน “เปิดศึก” ตอบโต้ไว้แล้ว

ทรัมป์ซึ่งมีกำหนดเข้าดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐอย่างเป็นทางการ วันที่ 20 มกราคม ปีหน้า ได้ให้คำมั่นระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่าจะตั้งกำแพงภาษีสกัดสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อลดอัตราขาดดุลการค้า โดยอาจจะกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสูงถึง 45%

นักวิเคราะห์จีนคาดว่า หากผู้นำใหม่สหรัฐทำตามที่พูดไว้ จะทำให้การส่งออกสินค้าของจีนลดลง 21% และทำให้อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนลดลง 0.9%

ด้าน ฟู อิ้ง ประธานคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของจีน กล่าวว่าหากผู้นำใหม่สหรัฐทำตามที่พูดไว้ จีนไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ และแสวงหาตลาดส่งออกใหม่ทดแทนตลาดสหรัฐ

ฟู อิ้ง มองว่าหากจีนตอบโต้สหรัฐด้วยวิธีดังกล่าว จะส่งผลดีต่อเกษตรกรจีน เพราะจะมีสินค้าเกษตรจากสหรัฐเข้ามาตีตลาดในประเทศน้อยลง

จีนเป็นประเทศนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐมากที่สุด ขณะมูลค่าการซื้อสินค้าเกษตรทุกชนิดจากสหรัฐปีที่แล้วอยู่ที่ 20,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (710,500 ล้านบาท)

อีกมาตรการหนึ่งที่จีนอาจใช้ตอบโต้ คือสายการบินจีนหลายบริษัทที่สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งของสหรัฐหลายร้อยลำ อาจยกเลิกคำสั่งซื้อ หันไปซื้อเครื่องบินแอร์บัสของยุโรปแทน

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายสำนัก ทั้งในจีนและสหรัฐ เชื่อว่าผู้นำใหม่สหรัฐไม่น่าจะทำสงครามการค้าการลงทุนกับจีน อาจมีมาตรการใหม่ออกมา แต่ไม่น่าจะรุนแรงถึงขั้นเป็น “สงคราม”

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอเมริกันที่ไปลงทุนในจีนมากกว่า 200 บริษัท มูลค่าการลงทุนกว่า 228,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (24.87 ล้านล้านบาท) คงไม่ยอมให้ทรัมป์เปิดศึกการค้ากับจีน เพราะจะส่งผลกระทบกับตน ทำให้บริษัทของชาวอเมริกันเสียตลาดจีนให้คู่แข่งขัน

ทั้งหมดเป็นการวิเคราะห์คาดการณ์ โดยส่วนของจีนคาดการณ์ด้วยความกังวล พร้อมกับเตรียมแผนไว้รับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งยังไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า ทรัมป์จะเอายังไงกันแน่

นักวิเคราะห์มองว่า ถ้าทรัมป์เอาจริงด้านแผนกีดกันทางการค้า มีหลายประเทศทั่วโลกที่จะได้รับผลกระทบ ไม่ใช่จีนประเทศเดียว


You must be logged in to post a comment Login